Work From Home (WFH) คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคทำงานที่บ้านให้เวิร์ค

Work From Home (WFH) คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคทำงานที่บ้านให้เวิร์ค

Work From Home (WFH) คืออะไร? ข้อดี ข้อเสีย และเทคนิคทำงานที่บ้านให้เวิร์ค

ปัจจุบันคำว่า Work From Home (WFH) หรือการทำงานจากที่บ้าน กลายเป็นเทรนด์สำคัญของการทำงานในยุคใหม่ โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้องค์กรและธุรกิจทั่วโลกต้องปรับตัวหันมาใช้วิธีนี้มากขึ้น แต่การทำงานจากบ้านใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคนหรือทุกอาชีพเสมอไป วันนี้เราจะมาช่วยวิเคราะห์ทั้งข้อดี ข้อเสีย และวิธีทำให้ WFH มีประสิทธิภาพสูงสุด

Work From Home (WFH) คืออะไร?

Work From Home (WFH) แปลตรงตัวคือ “การทำงานจากบ้าน” ซึ่งหมายถึงการที่พนักงานหรือฟรีแลนซ์ทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ สามารถใช้บ้าน คาเฟ่ หรือ Co-working space เป็นที่ทำงานได้ ตราบใดที่ยังสามารถสื่อสาร ส่งงาน ประชุม และประสานงานได้ตามปกติ

หลายองค์กรในไทยปัจจุบันปรับนโยบายให้พนักงาน WFH สลับกับเข้าออฟฟิศ (Hybrid Working) หรือบางแห่งอาจ 100% Remote ไปเลยเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่ม Work-life balance ให้ทีมงาน

ตารางเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของ Work From Home (WFH)

หัวข้อ

ข้อดีของ WFH

ข้อเสียของ WFH

ค่าใช้จ่าย

ประหยัดค่าเดินทาง ค่ากินข้าวนอกบ้าน

ค่าไฟ ค่าเน็ตที่บ้านอาจสูงขึ้น

เวลา

ยืดหยุ่น ไม่ต้องเสียเวลารถติด

บางคนจัดตารางเวลายาก ทำงานยืดเยื้อ

สมาธิ

ไม่มีเสียงรบกวนจากออฟฟิศ

คนในบ้านหรือสิ่งรอบตัวอาจรบกวน

สุขภาพจิต

ลดเครียดจากสังคมออฟฟิศ

อาจเหงา เก็บตัวจนซึมเศร้าได้

ประสิทธิภาพ

โฟกัสงานได้หากมีวินัยสูง

อาจแย่ลงหากขาดการจัดการตนเอง

 

ข้อดีของการ Work From Home (WFH)

  1. ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
    ไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน ค่า BTS หรือค่ารถเมล์ ประหยัดเงินได้เดือนละหลายพันบาท
  2. มีเวลามากขึ้น
    เวลาที่เคยเสียบนท้องถนน 2-3 ชั่วโมงต่อวัน กลายเป็นเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือเรียนรู้ทักษะใหม่
  3. จัดสภาพแวดล้อมการทำงานเองได้
    อยากนั่งทำงานบนโซฟา เปิดเพลงโปรด หรือเลี้ยงหมาแมวอยู่ข้างๆ ก็ทำได้ตามสบาย
  4. ลดโอกาสเจ็บป่วยจากโรคติดต่อ
    ไม่ต้องอยู่ในที่คนเยอะ ลดความเสี่ยงจากไวรัสหรือฝุ่น PM2.5
  5. มี Work-life balance ดีขึ้น
    สามารถบริหารเวลาให้ทำงานบ้านหรือดูแลครอบครัวไปพร้อมกันได้

ข้อเสียของการ Work From Home (WFH)

  1. สมาธิอาจหลุดง่าย
    สิ่งล่อตาล่อใจอย่าง Netflix ตู้เย็น หรือแม้แต่เตียงนอน อาจทำให้เสียเวลา
  2. รู้สึกโดดเดี่ยว
    ไม่มีเพื่อนร่วมงานนั่งข้างๆ เม้าท์เรื่องซีรีส์หรือข่าว ทำให้บางคนเหงาได้ง่าย
  3. ทำงานเกินเวลาโดยไม่รู้ตัว
    เพราะเส้นแบ่งชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ชัด หลายคนทำงานลากยาวจนดึก
  4. ขาดการประสานงานแบบ Real-time
    การสื่อสารผ่านออนไลน์อาจช้ากว่าการเดินไปคุยกันในออฟฟิศ
  5. สุขภาพอาจแย่ลง
    เพราะนั่งนาน ขยับตัวน้อย และกินขนมตลอดเวลา

เทคนิคทำงาน Work From Home (WFH) ให้มีประสิทธิภาพ

เพื่อให้ Work From Home (WFH) ของคุณมีประสิทธิภาพ ไม่เสียทั้งงานและสุขภาพ ลองทำตามเทคนิคเหล่านี้ดู

จัดมุมทำงานแยกจากพื้นที่พักผ่อน
สร้างมุมโต๊ะทำงานโดยเฉพาะ ช่วยให้สมองแยกโหมดทำงาน/พักผ่อนได้ง่ายขึ้น

กำหนดเวลาเข้า-เลิกงานชัดเจน
เช่น เริ่มงาน 9.00 น. พักเที่ยง 12.00-13.00 น. และเลิก 18.00 น. เพื่อไม่ให้ทำงานยืดเยื้อ

ติดต่อทีมอย่างสม่ำเสมอ
ใช้ Line, Slack, หรือ Zoom ประชุมอัพเดตกันทุกเช้า จะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว

วางแผน To-do list รายวัน
ช่วยให้รู้ว่าต้องทำอะไรเสร็จในแต่ละวัน และจัดลำดับความสำคัญได้

ลุกเดินหรือยืดเส้นทุก 1 ชั่วโมง
เพื่อลดปัญหาปวดหลัง คอ บ่า ไหล่ และลดความเมื่อยล้า

แนะนำเก้าอี้สุขภาพที่เหมาะสำหรับ Work From Home (WFH)

เมื่อพูดถึงการ Work From Home (WFH) หนึ่งในอุปกรณ์ที่หลายคนมองข้าม แต่จริงๆ แล้วสำคัญมากคือ เก้าอี้สุขภาพ เพราะเราต้องนั่งทำงานวันละ 6-8 ชั่วโมง หากเลือกเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสม จะก่อให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดคอ หรือ Office Syndrome ได้ในระยะยาว

เก้าอี้สุขภาพจาก Jaisu Furniture

หนึ่งในแบรนด์เฟอร์นิเจอร์คุณภาพที่เราอยากแนะนำคือ Jaisu Furniture ที่ออกแบบเก้าอี้เพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มีจุดเด่นหลายอย่าง เช่น

พนักพิงสูง รองรับแผ่นหลัง-คอ
ทำให้ลดอาการเกร็งช่วงไหล่และต้นคอได้ดี

ปรับระดับความสูง-เอนพนักได้
ช่วยให้สรีระนั่งถูกต้อง ไม่ว่าจะสูง 150 หรือ 180 ซม. ก็ปรับให้พอดีตัวได้

เบาะโฟมหนา หุ้มผ้าตาข่ายระบายอากาศ
ไม่ร้อน ไม่อับ แม้นั่งนานๆ ในห้องแอร์

ที่วางแขนปรับได้
รองรับท่าพิมพ์งาน ป้องกันข้อมือหรือข้อศอกอักเสบ

ดีไซน์สวย เหมาะกับ Home Office
ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดูเป็นมืออาชีพ

ทำไมควรลงทุนซื้อเก้าอี้สุขภาพ?

คนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อโต๊ะหรือจอคอมดีๆ แต่ละเลยเก้าอี้ ทั้งที่เรานั่งอยู่บนเก้าอี้วันละหลายชั่วโมง การลงทุนกับเก้าอี้สุขภาพดีๆ อย่าง Jaisu Furniture จะช่วย

  • ลดปัญหากระดูกสันหลังคด
  • ลดอาการปวดหลังเรื้อรัง
  • ลดค่าใช้จ่ายรักษาสุขภาพในอนาคต
  • ทำให้ WFH ได้อย่างมีความสุข ไม่ทรมานกับอาการปวดเมื่อย

หากใครสนใจ สามารถดูรุ่นเก้าอี้สุขภาพของ Jaisu Furniture ได้จากเว็บไซต์หรือ Facebook ของทางแบรนด์ มีรีวิวจากลูกค้าและคำแนะนำการเลือกเก้าอี้ให้เหมาะกับรูปร่างอย่างละเอียด รับรองว่า Work From Home (WFH) จะสะดวกสบายและดีต่อสุขภาพมากขึ้นแน่นอน

บทความอื่นที่น่าสนใจ